012 ธรรมปัจเวกขณ์ วันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๖ ความเลิศยอด ยิ่งสูง ยิ่งเล็ก ยิ่งน้อย ขนาดที่เราได้มาปฏิบัติธรรมกัน บางคนก็ได้ปฏิบัติ มานานแล้ว แล้วเวลาจะได้ธรรมะ มันก็ไม่ง่าย มันก็ได้มา ได้เรื่อยๆ เห็นผล เห็นรสของธรรมะว่า มันก็ว่าง ง่าย เบา หลุดพ้น เป็นไปแบบธรรมรสจริงๆ ใครจะมีปฏิภาณ มีปัญญาซาบซึ้ง มากน้อยแค่ใด ก็แล้วแต่ แต่ละบุคคล มันจะดื่มด่ำ ซาบซึ้ง ไม่ถอด ไม่ถอน หรือว่า จะเกิดถอดถอน ก็แล้วแต่บุคคล ขนาดที่เราทำมากัน ได้มากๆขนาดนี้ เราก็ยังเห็นอยู่ดี ว่ามันยาก เพราะฉะนั้น ผู้ที่ปฏิบัติธรรม ได้รับผลของธรรม มั่นคงในธรรม เป็นตัวอย่างแก่มนุษย์ ในโลก อีกชนิดหนึ่ง นอกจากมนุษย์โลกียะ ซึ่งเป็นพื้นของมนุษย์ ก็เสพย์โลกียะ อยู่อย่างนั้น แต่ผู้ที่เป็นปราชญ์ ผู้ที่เป็นมนุษย์ประเสริฐ ได้ศึกษา เห็นทิศทางว่า ความสูงยิ่งกว่านั้น ความเลิกละ ความมีคุณค่า พร้อมทั้ง ความสบายใจ ของเราเอง อย่างสบายจริงๆ สบาย อย่างหลุด ว่าง ปล่อย ไม่ติด ไม่ยึด ไม่ห่วง ไม่หา ไม่ต้องเป็นภาระ ไม่ต้องไปเหน็ดเหนื่อย หามาเสพย์มาสม เพราะว่าหลงว่า มันเป็นสุข ในชีวิต มันหลุดพ้นจริงๆ มันเป็นความวิเศษ ความประเสริฐ เมื่อมีปราชญ์เอก มาค้นพบ แล้วก็ทำมาได้ เป็นหลักของชีวิตอยู่ กระนั้น มันก็ยังเป็น จำนวนน้อย ที่ทำได้ หรือ ที่ผ่านมาได้ เพราะฉะนั้น มันจึงเป็นยอดสำคัญ หรือ เป็นตัวมนุษย์ที่สูง อยู่ในขอบเขตตายตัว เหมือนกับยอดของ ปิรามิดนี่ ยิ่งไปใกล้ถึงยอด ยิ่งมีจำนวนเล็กๆ จำนวนน้อย เนื้อที่ก็ตาม มวลก็ตาม ของยอดนี่ จะน้อยกว่า พื้นฐาน ฐานๆ พื้นๆ ดื่นๆ นี่มันโต มันใหญ่ มันมาก ส่วนยอดจริงๆ นั้น ก็ยิ่งคั้นยิ่งเค้น ยิ่งเคี่ยวยิ่งขึ้น สูงเท่าไหร่ๆ ยิ่งปลายสุด ก็ยิ่งน้อยยิ่งเล็ก สุดท้ายปลายสุดจริงๆ ก็จะมีหนึ่งเดียวเท่านั้น เป็นเอก เป็นประเสริฐสุด วิเศษยอดสูงสุด อย่างนี้เป็นต้น เราจึงต้องเคารพ กราบไหว้บูชา เทิดทูนเชิดชู ผู้ที่ทำตน ให้เป็นผู้สูง เป็นผู้ได้สัจธรรม อย่างเอกนี้จริงๆ เพราะเรา ก็จะซาบซึ้งดีว่า มันไม่ง่าย เพราะฉะนั้น ผู้รักษาพรหมจรรย์ ผู้อยู่กับพรหมจรรย์ ผู้ที่จะไป ในทิศทางอย่าง พระบรมศาสดา พาเป็นพาไป จนตลอด พระชนม์ชีพ ของท่าน ท่านไม่ได้มาเหลาะแหละ ท่านไม่ได้มาโกหก ท่านไม่ได้มาพูดสับปลับ ท่านก็มีชีวิต อยู่อย่างนี้ อย่างยืนยันว่า มันไม่เป็นทุกข์ เท่าที่เราจะสามารถ เทียบเคียงได้ว่า บางสิ่งบางอย่าง ปัจจัยบางอย่าง ที่เราได้เลิกมานั้น ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นภาระ หลุดล่อนออกมาแล้ว มันไม่ได้พาให้เรา ได้เดือดร้อนอะไร จริงๆ แล้วเราก็อยู่ อย่างสงบ อย่างสุขสงบ สงบสุข มันสะอาด มันว่าง มันเบา มันง่าย เป็นตัวอย่าง อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ถ้าเผื่อว่าอย่างอื่นๆ เราก็หลุดล่อน เช่นเดียวกัน ทั้งหมด มันก็ว่าง เบา ง่าย เป็นสุข อย่างนั้น ตลอดนิรันดร์ เทียบสัจจะอันนี้ได้ ใครเทียบได้ คนนั้นก็จะมั่นใจ และจะยืนหยัดยืนยัน อยู่อย่างนี้ โดยไม่ถูกบังคับ โดยไม่ถูกขอร้อง โดยสมัครใจ อิสรเสรี ของเราเองแท้ๆ ธรรมะอย่างนี้ เป็นของวิเศษ น้อยคน ที่จะเป็นไปได้ เพราะฉะนั้น ขอให้พวกเราได้เห็นผล ได้เห็น ความเลิศยอดอย่างนี้ ให้จริงจัง จริงใจ เราจะได้มีน้ำหนัก ศรัทธา เลื่อมใส หรือ พอใจยินดี แม้มันจะต้องเพิ่มภูมิ มันยังจะไม่สิ้น ในชาตินี้ มันก็เป็น พลวปัจจัย ที่เราจะได้ทำ เพิ่มขึ้นๆ มันไม่ง่าย ดังที่ ถ้าเราเข้าใจสัจธรรม ของพระพุทธเจ้าแล้ว มันมีสังสารวัฏ มันมีการสั่งสม นานับชาติ เพราะฉะนั้น จะเกิดอีกกี่ชาติๆ มันก็สั่งสม ถ้าเรามีบุญ ถ้าเราไม่มีบุญ มันก็ถูกดึงลงไป หาโลกย์ เท่านั้นเอง ถ้าเราประมาท เราก็จะต้อง ตกลงไปสู่ หินเพศ ลงไปสู่ความต่ำอย่างนั้น ประมาทไม่ได้ ยิ่งมีตัวอย่าง ยิ่งนับวัน เราก็ยิ่งมี ผู้เป็นตัวอย่าง อันดูเหมือนว่า มันจะดี แล้วมันก็ยังมี ผีหลอก ที่มีฤทธิ์มีแรง สามารถทำ ให้เราตกหล่นไปได้ ถึงปานฉะนั้น ขอให้พวกเรา ได้สังวรสำรวม อย่าประมาทเลย เพ่งเพียรไป โดยให้เป็น สุขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา เพ่งเพียร อย่างที่ มันก็ไม่ไป อย่างที่ว่า ราบรื่น หรือว่าเอาใจคน สุขาปฏิปทา ในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่า เป็นสุขายะ แต่ต้องเป็น ทุกขายะ อัตตานัง ปทหติ คือ ตั้งตน อยู่ในความลำบาก ต้องมีการขัดเกลา ให้สอดคล้องทีเดียว มีการขัดเกลา ตั้งตน อยู่ในความลำบาก พากเพียร เอาใจใส่ อุตสาหะ อย่าปล่อยปละ ละเลย ย่อหย่อน ถ้าขืนปล่อยปละละเลย เป็น สุขายะ เราจะต้อง ตกหล่นแน่ เพราะว่า อกุศลมันเจริญยิ่ง แต่ถ้าเป็น ทุกขายะ อัตตานัง ปทหติ ตั้งตน อยู่ในความลำบาก ให้แก่ตนเอง อยู่เสมอ ไม่ใช่ตั้งตน คือทรมาน แต่ว่า ต้องมี ความขัดเกลาอยู่ แน่นอน ทุกคนคงมีความซาบซึ้งดีว่า ในหลักขัดเกลานั้น มันไม่ได้เป็น ความอร่อย มันไม่เป็น ความสุขหรอก มันเป็นความลำบาก ที่เรียกว่า ทุกขายะ นี่แหละ มันเป็นความลำบากอยู่ แต่เราก็รู้ว่า มันดี มันเกิดความเจริญ แล้วมันก็ จะหลุดล่อนไป หลุดล่อนออกไปเป็น สัลเลขธรรม แท้ ผู้พิสูจน์ชัดเจนแล้ว จะไม่สงสัย ว่าหลักว่าการ มันก็ย่อมขัดเกลา ในขณะยังไม่ขัด ก็แน่นอนละ มันก็ต้อง ทุกขายะ อยู่ตลอดเวลา เมื่อมันลด บางเบาลงไป มันก็ง่ายขึ้น ว่างขึ้น เบาขึ้น จนกระทั่ง มันได้แล้ว มันก็ว่าง เบาสบายเลย แล้วไม่ต้องทำอีก พอได้แน่ ได้นอน ได้อย่างลึกซึ้ง เห็นด้วยปัญญา จิตก็ทำได้ อย่างแคล่วคล่อง มีวิธีการ มีอิทธิวิธี มีความสามารถ อย่างชัดเด่นแล้ว มันก็ตั้งมั่น มันก็ยืนยง ไม่สับปลับ ไม่ปรับเปลี่ยน เป็นไปอย่างนั้น เป็นนิยตะ คงทนไปได้ ขอให้เราพิสูจน์ถึงธรรมะ ถึงขั้นสุดยอด อย่างนี้ ไปเรื่อยๆเถิด แล้วเราเอง เราจะได้สั่งสม พลวปัจจัย แม้ชาตินี้ จะไม่ถึงอรหันต์ เราเองนี่แหละ มีเวลากันไปนานๆ กลุ่มหมู่เราสัก ๑๐ ปี ๒๐ ปี ๓๐ ปี ๔๐ ปีไป เราจะรู้เอง โดยตนเอง นั่นเอง ว่าอานิสงส์ของศาสนา มันมีจริง สัจธรรมของพระพุทธเจ้า ที่เป็น จอมบรมศาสดา ของเราในโลกนี้ เป็นผู้ค้นพบ สัจธรรมจริง และแม้ที่สุด หลักการที่ พระโพธิรักษ์ ที่เป็นสาวก เอามานำพาทำนี้ จะสอดคล้องกับ พระบรมศาสดา ถูกต้องยิ่งกว่า ที่เขาสอนกันมา ในแนวคิดอื่น แนวปฏิปทาอื่น หรือไม่ ๒๐-๓๐ ปี ๔๐ ปีนั้น จะเป็นเครื่องพิสูจน์ ยืนยันเอง บัดนี้ ขณะนี้ ผู้ที่มีสิ่งที่ ได้ทดสอบ ได้พิสูจน์ มาบ้างแล้ว ก็จะมีน้ำหนัก ที่เชื่อถือ ศรัทธาอยู่ พอสมควร ยิ่งนานปี เราก็จะรู้เอง ไม่มีการบังคับ ไม่มีการขอร้อง ทุกคนอิสร เสรีภาพของตน ขอให้ทุกคน ตั้งอกตั้งใจ พากเพียร เห็นความจริง ในแง่นี้เชิงนี้ เพื่อความมั่นคง ของตนๆ สำหรับทุกๆคน เถิดเทอญ สาธุ. ธรรมปัจเวกขณ์ ๒๕๒๖
|